Tuesday, June 30, 2020

“เชาวน์วัศ เสนพงศ์” นายกเล็กเมืองคอน ผู้มากผลงานสะดุดตาและฮือฮาได้ตลอด - ผู้จัดการออนไลน์

timpahbatu.blogspot.com
โดย...ศูนย์ข่าวภาคใต้


ยังคงมีเรื่องราวให้เป็นที่โจษจันกันอย่างต่อเนื่องสำหรับเทศบาลนคร (ทน.) นครศรีธรรมราช ภายใต้การนำของนายเชาวน์วัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช

ล่าสุด เป็นเรื่องราวสุดฮือฮา เมื่อนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองคอน ควักเงินหลวงจัดซื้อรถตู้สุดหรู “โตโยต้า อัลพาร์ด” เบ็ดเสร็จที่ราคา 3,798,000 บาท ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมว่าเป็นการใช้งบประมาณในเรื่องที่ไม่ควรหรือไม่ และความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องซื้อรถยนต์ราคาแพงมากมายขนาดนี้เอามาไว้ใช้งาน โดยเพจ “ชมรมstrongต้านทุจริต จังหวัดนครศรีธรรมราช” ซึ่งเป็นผู้เปิดประเด็นเรื่องนี้ได้ระบุว่า เป็นการใช้งบประมาณที่ฟุ่มเฟือยเกินเหตุ เนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 งบประมาณต่างๆ ควรนำมาใช้อย่างคุ้มค่า และให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

ที่ยิ่งฮือฮาเข้าไปกว่านั้น เมื่อได้ทราบว่า เอกชนที่ชนะการเสนอราคาขายรถคันดังกล่าวให้แก่ ทน.นครศรีธรรมราช ไม่ใช่ดีลเลอร์ขายรถยนต์ แต่เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่ชื่อว่า หจก.ธรรมราชแทรคเตอร์ ซึ่งปกติแล้วขายอะไหล่รถแทรคเตอร์!


จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า หจก.ธรรมราชแทรคเตอร์จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 19 เม.ย.2533 ทุนจดทะเบียน 1,800,000 บาท ระบุประเภทธุรกิจตามที่ส่งงบการเงินปีล่าสุดคือ การขายส่งเครื่องจักรและอุปกรณ์งานวิศวกรรมโยธางานเหมืองแร่และงานก่อสร้าง และวัตถุประสงค์คือ จำหน่ายอะไหล่แทรคเตอร์ และจากข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของ ทน.นครศรีธรรมราช พบว่า หจก.ธรรมราชแทรคเตอร์เคยได้รับงานจาก ทน.นครศรีธรรราชหลายครั้งแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นงานซ่อมรถเครื่องจักร และชนะการเสนอราคาโดยวิธีเฉพาะเจาะจง

จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุใด หจก.ธรรมราชแทรคเตอร์ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ หรือคุณสมบัติในการขายรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ เหตุใดจึงกล้าหาญชาญชัยเข้าไปยื่นซองเพื่อขอเสนอราคาในโครงการจัดซื้อรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ วงเงินงบประมาณ 3,798,000 บาท ของ ทน.นครศรีธรรมราช แต่เพียงผู้เดียว แล้วยังที่น่าแปลกใจมากขึ้นไปอีกคือ ได้รับการคัดเลือกด้วย แม้ว่าอาจจะมีคุณสมบัติขัดแย้งกับคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอในเอกสารประกวดราคาที่ระบุว่า เป็นนิติบุคคลผู้มีอาชีพขายพัสดุที่ประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว

นอกจากคุณสมบัติของผู้ขายแล้ว ในด้านรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะในทีโออาร์ก็ยังสร้างความข้องใจให้แก่ผู้คน โดยผู้เชี่ยวชาญรถยนต์นำเข้า ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า น่าจะเป็นการระบุคุณสมบัติของรถยนต์ที่ตรงกับโตโยต้าอัลพาร์ด เช่น ระบบกันสะเทือน ล้อหน้า อิสระแมคเฟอร์สันสตรัท หรือระบบความปลอดภัย เช่น ระบบไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ ระบบถุงลมเสริมความปลอดภัยไม่ต่ำกว่า 9 จุด ระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน (HAC) อีกทั้งการสืบราคาก็มีเพียงบริษัทที่จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าเท่านั้น


เมื่อมองย้อนกลับไปดูผลงานของ ทน.นครศรีธรรมราช ภายใต้การนำของนายเชาวน์วัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช แล้ว ก็จะพบว่ามีมากมายหลายเรื่องที่มีผู้โจษจันและกล่าวถึง ไม่ว่าจะเป็นความล่าช้าในการช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 จนประธานสภา ทน.นครศรีธรรมราช ต้องยกทีม สท.เข้ายื่นหนังสือถึงนายเขาวน์วัศ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2563 ให้เร่งออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หลังจากผ่านมาแล้ว 120 วัน แต่ก็ยังไม่มีมาตรการใดๆ ออกมา

16 เม.ย. 2563 มีการเผยแพร่ภาพรถน้ำดับเพลิงของ ทน.นครศรีธรรมราชสูบน้ำจากแหล่งน้ำข้าง “ภูเขาขยะ” ที่มีขยะสะสมมากกว่า 2.4 ล้านตัน ขึ้นบรรทุกบนรถก่อนที่จะนำน้ำดังกล่าวไปส่งให้แหล่งน้ำใช้สำหรับอุปโภคบริโภคของแฟลตที่พักอาศัยตำรวจ โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการใดๆ ทั้งสิ้น

รศ.ดร.สุรินทร์ ไหมสีกรด รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศและพัฒนาการเรียนการสอน ในฐานะกำกับดูแลส่วนสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เปิดเผยว่า มีการตรวจสอบน้ำจากแหล่งน้ำดังกล่าวครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน ส.ค. 2562 โดยหัวหน้าคณะผู้ตรวจวิเคราะห์ได้แถลงชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยในการนำน้ำจากแหล่งน้ำนี้ไปอุปโภคบริโภค เนื่องจากไม่มีความเหมาะสม เนื่องจากมีการปนเปื้อนของสารประกอบโลหะหนัก และค่าความเป็นกรดสูง การนำน้ำไปใช้มีความสุ่มเสี่ยงมาก

ปัญหา “ภูเขาขยะ” นี้ ยังพบเรื่องการลอบปล่อยน้ำเสีย โดยสูบน้ำเน่าเสียออกจากแหล่งรวบรวมน้ำเสียด้านทิศตะวันออกของภูเขาขยะและระบายโดยตรงลงในลำคลองสาธารณะ ปัญหานี้เกิดขึ้นมาแล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง แม้ว่าจะมีโครงการให้เอกชนเข้ามาประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ แต่ยังไม่เป็นผล เนื่องจากยังมีข้อครหาเกี่ยวกับการจัดทำทีโออาร์ รวมทั้งมีการร้องเรียนในการยื่นประมูลอีออคชัน เนื่องจากผู้ยื่นประมูลรายที่ไม่ชนะการประมูลเห็นว่าผู้ที่ชนะการประมูลนั้นมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน


การเข้าไปสูบน้ำข้างภูเขาขยะในครั้งนี้ ก็สืบเนื่องมาจากอีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี นั่นคือ ปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบ สำหรับการผลิตประปาของ ทน.นครศรีธรรมราช ซึ่งส่งผลกระทบต่อชุมชนเมือง และย่านการค้าของนครศรีธรรมราช รวมทั้งสถานประกอบการมากกว่า 34,000 ครัวเรือน เนื่องจากหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาของ ทน.นครศรีธรรมราชคือ การปล่อยน้ำเป็นช่วงเวลา ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 06.00-08.00 น. และช่วงเย็นเวลา 16.00-21.30 น.

ปัญหาการจัดการน้ำประปาของ ทน.นครศรีธรรมราชนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 14 (จังหวัดนครศรีธรรมราช) เคยเข้าไปตรวจสอบและนำเสนอรายงานฉบับนี้ในเว็บไซต์เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2562 โดยมีข้อเสนอแนะไว้ในรายงานดังกล่าว แต่ก็เหมือนว่าจะไม่มีการตอบสนองและเร่งดำเนินการตามคำแนะนำนั้น

ข้อเสนอแนะดังกล่าว ระบุไว้ว่า ให้นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช พิจารณาดำเนินการดังนี้ (1) วางแผนหรือหาแนวทางในการนำน้ำดิบจากบ่อสำรองมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ในช่วงฤดูฝนอาจสูบน้ำจากบ่อสำรองที่มีความขุ่นน้อยกว่ามาใช้ในการผลิตน้ำประปา แทนการสูบน้ำจากลำคลองที่มีความขุ่นตะกอนมาก ซึ่งจะช่วยลดประหยัดสารเคมีในการบำบัด

(2) พิจารณาดำเนินการให้มีแหล่งกักเก็บน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในระยะยาว โดยคำนึงถึงผลกระทบกับประชาชนและงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น (3) การให้บริการน้ำประปานอกเขตพื้นที่ ควรคำนึงถึงข้อมูลด้านต่างๆ เช่น ปริมาณน้ำดิบ ความต้องการใช้น้ำ ศักยภาพในการผลิตน้ำประปา เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนน้ำประปาในเขตพื้นที่รับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ และ (4) ให้มีการปรับปรุงซ่อมบำรุงระบบการผลิตและระบบจ่ายน้ำประปา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำประปาของประชาชน


นอกจากจะไม่เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบ สำหรับการผลิตประปาแล้ว ยังพบการปล่อยปะละเลยอุปกรณ์เดิมที่เคยสร้างไว้ โดยเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2562 มีผู้พบเห็นโรงสูบน้ำประปา มูลค่า 47 ล้านบาทของ ทน.นครศรีธรรมราช จมอยู่ใต้น้ำ โดยระดับน้ำท่วมขังอยู่ในห้องระบบสูงกว่า 3 เมตร ทั้งที่โรงสูบน้ำและระบบท่อเพิ่งถูกสร้างเสร็จได้ไม่นาน ส่วนที่จมอยู่ใต้น้ำเป็นมอเตอร์ขนาดใหญ่กำลังสูง 2 ตัว มูลค่านับล้านบาท
ขณะที่ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า โรงสูบน้ำแห่งนี้หลังจากการก่อสร้างเสร็จแล้วแทบไม่ได้ใช้งานเลย แม้ว่าจะสร้างด้วยงบประมาณที่สูงมาก ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล ถูกปิดประตูทิ้งไว้ และในช่วงที่ประปาเขต ทน.นครศรีธรรมราชขาดแคลนน้ำ โรงสูบน้ำแห่งนี้ก็ไม่ทำงานไม่ได้

28 ก.พ. 2563 ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนเทศบาลเสมาเมือง สังกัด ทน.นครศรีธรรมราช กว่า 200 คน ได้รวมตัวกันชูแผ่นป้ายข้อความคัดค้านคำสั่งย้ายนายเกรียงไกร วุฒิมานพ ผอ.โรงเรียนเทศบาลเสมาเมือง ซึ่งมีนายเชาวน์วัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช เป็นผู้ลงนาม ให้ไปประจำโรงเรียนอื่น

ในเหตุการณ์นี้ มีผู้คนได้วิพากษ์วิจารณ์กันว่า สาเหตุน่าจะมาจากมีการกดดันผู้อำนวยการโรงเรียนทุกโรงเรียนสังกัด ทน.นครศรีธรรมราช ในหลายประเด็น เช่น การส่งสัญญาณเชิงกดดันให้ผู้บริหารโรงเรียนจัดจ้างเอกชนให้เข้ามาทำความสะอาดครั้งใหญ่โรงเรียน แบบจ้างครั้งเดียวในราคาสูงมาก ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่นอกแผนงาน โดยที่โรงเรียนเทศบาลวัดเสมาเมือง ที่มีคำสั่งย้ายผู้อำนวยการนั้น มีการเสนอราคาทำความสะอาดถึง 1.4 ล้านบาท แต่นายเกรียงไกร วุฒิมานพ ผอ.โรงเรียนเทศบาลเสมาเมือง ไม่ดำเนินการ และเมื่อมีการทำใบเสนอราคามาอีกครั้ง ลดราคาเหลือ 8 แสนบาท นายเกรียงไกรก็ยังไม่ดำเนินการเช่นเดิม!


นอกจากนี้ ยังมีประเด็นในการจัดจ้างครูต่างชาติที่ถูกส่งเข้ามาในโรงเรียน โดยผ่านเอเจนซีใกล้ชิดกับหลังบ้านของผู้บริหารรายหนึ่งใน ทน.นครศรีธรรมราช ที่สร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้เกี่ยวข้องรายนี้ จึงอาจเป็นชนวนเหตุในการโยกย้าย จนทำให้ผู้ปกครองต่างไม่พอใจอย่างมาก และมีแผ่นป้ายข้อความในทำนอง “อย่าเอาการเมืองมาเกี่ยวข้องกับโรงเรียน” ปรากฏอยู่ในการเดินขบวนด้วย

เรื่องราวของโรงเรียนในสังกัด ทน.นครศรีธรรมราชที่ปรากฏเป็นข่าวยังไม่หมดแค่นี้ ยังมีเรื่องราวฉาวโฉ่ ที่เรียกเสียงฮือฮาและกล่าวขานกันไปทั้งประเทศ นั่นคือ กรณีของอาหารกลางวันเด็กนักเรียนที่ควรจะมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน กลับกลายเป็น “เศษแกงกับวิญญาณฟัก” โดยเรื่องราวนี้ เริ่มมาจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์คลิปคลิปตักแจกอาหารกลางวันเด็กในโรงเรียนเทศบาลวัดมเหยงคณ์ โรงเรียนในสังกัด ทน.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแกงจืดฟักน้ำโหรงเหรง และแตงโม โดยในคลิปดังกล่าว คนตักอาหารได้บอกกับเด็กๆว่า “ลดความอ้วนนะ กินคลีน” แล้วก็หัวเราะ และบอกกับอีกคนว่า “กินเนื้อไก่มากไม่ดี เดี๋ยวเป็นมะเร็ง เพราะเนื้อไก่มีสารเร่งมะเร็ง เข้าใจไหม ต้องกินผัก เข้าใจไหม” แล้วก็หัวเราะ

ก่อนที่คลิปดังกล่าวจะถูกลบออกไป เพจ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” ก็นำคลิปฉาวนี้ไปโพสต์ใหม่เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2562 พร้อมตั้งชื่อเรื่องไว้อย่างน่าสนใจให้สังคมติดตามว่า “เศษแกงกับวิญญาณฟัก” พร้อมระบุรายละเอียดไว้ว่า เป็นอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนที่มีค่าจ้างเหมาทั้งปีการศึกษาจำนวน 200 วัน ในปี 2562 เป็นเงินทั้งสิ้น 7,039,500 บาท คิดเป็นเงินวันละ 35,197.5 บาท โรงเรียนแห่งนี้มีเด็กนักเรียนประมาณ 1,700 คน

เหตุการณ์ดังกล่าว นายเชาวน์วัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช สั่งย้าย ผอ.โรงเรียนเทศบาลวัดมเหยงคณ์และได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ผลการสอบสวนสรุปได้ว่า (1) พบว่าในวันที่ 28 มิ.ย.และวันที่ 1 ก.ค. 2562 ปริมาณอาหารไม่เพียงพอกับนักเรียน โดยมีข้อเสนอให้สั่งการคณะกรรมการตรวจรับพัสดุอาหารกลางวัน ตัดวงเงินเบิกจ่ายรายวันจำนวน 2 วันๆ ละ 5,400 บาท กับผู้รับจ้าง รวม 10,800 บาท และ (2) ประเด็นที่ 2 เสนอให้สั่งการให้คณะกรรมการตรวจรับอาหารกลางวันรายวัน ครูเวร เพิ่มการกวดขันดูแลการตรวจรับให้มีความเข้มงวด แม้ว่าผู้อำนวยการจะได้สั่งการภายในให้มีคณะกรรมการอยู่แล้ว แต่ผู้อำนวยการจะต้องคอยกำกับดูแลคณะกรรมการให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต


กรณีนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการอาหารกลางวันจากโรงเรียนในสังกัด ทน.นครศรีธรรมราช ทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ โดยเฉพาะโครงการที่เริ่มการเสนอราคาตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. 2562 แม้ว่ากระบวนการประกาศเชิญให้มีการเสนอราคาจะเป็นไปตามขั้นตอน แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนได้ให้ความสำคัญต่อที่มา และเหตุผลในการยกเลิกโครงการที่โรงเรียนจัดผลิตอาหารเอง และโครงการที่ถูกจ้างเหมา รวมทั้ง กระบวนการได้มาซึ่งผู้จ้างเหมาที่เข้ามาเสนอราคา เช่น บริษัท นครศรี เอ็กคลูซีฟ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัท เอส.พี.ซี. 2009 จำกัด บริษัท ส.รัตนภิญโญ จำกัด และ หจก.บุญยงค์บริการ

ทั้งนี้ ในการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกหลายโครงการของ ทน.นครศรีธรรมราช พบข้อมูลว่า ผู้ประกอบการที่เข้าเสนอราคาจ้างเหมาส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเดิมที่ได้รับการจ้างงาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นลักษณะของการจ้าง “แบบเสนอราคา” และแบบ “วิธีพิเศษ” ซึ่ง ป.ป.ช.กำลังให้ความสนใจกับกระเด็นของการได้มาซึ่งผู้รับจ้างว่าเป็นไปโดยการสมยอมกัน หรือที่เรียกว่า “ฮั้ว” หรือไม่

อีกหนึ่งเรื่องราวสำคัญที่ปรากฏชัดต่อสายตาชาวนครศรีธรรมราชและผู้ที่มาเยือน คือ โครงการปรับปรุงสนามกีฬากลางนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงปลายปี 2557 งบประมาณ 13,380,000 บาท ก่อนหน้านี้มีการปรับปรุงมาบ้างแล้ว ใช้งบประมาณรวมกันไปกว่า 39 ล้านบาท โดยครั้งนี้เป็นการปรับปรุงสนามฟุตบอล ลู่วิ่ง ลานกรีฑา และอุปกรณ์แข่งขันประจำสนาม แต่หลังจากส่งมอบงานได้เพียง 2 เดือน ก็พบว่าหลายจุดที่มีการปรับปรุงไม่ได้คุณภาพ ทำให้ ทน.นครศรีธรรมราชต้องสั่งงดใช้สนามดังกล่าวในเดือน พ.ย. 2557


จากนั้นในวันที่ 7 ม.ค. 2558 เจ้าหน้าที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 14 นครศรีธรรมราช ได้เข้าตรวจสอบ และพบว่า สภาพของสนามฟุตบอลทรุดโทรมอย่างมาก ไม่ราบเรียบตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นโดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้มือขุดลงไปพบว่า ด้านล่างมีสภาพเป็นดินลูกรังอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้น ลู่วิ่งยางโพลิเมอร์มีสภาพหลุดล่อนเสียหายหลายจุด หลังการตรวจสอบเกือบ 1 ปีของ สตง.ภูมิภาคที่ 14 ก็ได้ส่งสำนวนที่มีผลสรุปที่ชัดเจน พยานหลักฐานแน่นหนา แต่กลับไม่มีความคืบหน้าตามมา จากนั้นไม่นาน ทน.นครศรีธรรมราชได้ส่ง “ซากสนาม” กลับไปให้เจ้าของเดิมคือ อบจ.นครศรีธรรมราช

ราวกลางปี 2560 สตง.ภูมิภาคที่ 14 สำนักตรวจสอบพิเศษ 14 ได้ชี้มูลความผิดของ “นายเชาวน์วัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช” และข้าราชการใน ทน.นครศรีธรรมราช ตัวแทนชุมชนที่เป็นกรรมการรับมอบงานจ้างปรับปรุงสนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช มูลค่า 13.4 ล้านบาท โดยน่าเชื่อว่า นายเชาวน์วัศเป็นหัวหน้าขบวนการทุจริตใน 7 ประเด็น รวมทั้งการตรวจสอบในกรณีการปรับปรุงระบบประปา การเช่าบ่อน้ำดิบโดยไม่ได้ใช้งานอย่างแท้จริง มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท ความพยายามในการจัดให้เอกชนเข้ามาผูกขาดผลิตประปา 30 ปี วงเงิน 5 พันล้านบาท แต่โครงการนี้ถูกขัดขวางจากหลายฝ่าย จนดำเนินการไม่ได้

ก.ค. 2560 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งที่ 35/2560 ให้เจ้าหน้าที่รัฐที่อยู่ในระหว่างการถูกตรวจสอบระงับการปฏิบัติหน้าที่ หนึ่งในนั้นคือ “นายเชาวน์วัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช” ผ่านมาได้ 1 ปีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้มีคำสั่งให้นายเชาวน์วัศกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเดิม โดยระบุว่า ตรวจสอบแล้ว ไม่พบความผิด ซึ่งเป็นการให้กลับมาทำงานพร้อมๆ กับผู้บริหารท้องถิ่นอีกหลายคน ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการปลดล็อกท้องถิ่นเพื่อใช้เป็นฐานสำหรับการเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มี.ค. 2562

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวอีกมากมายที่เกิดขึ้นใน ทน.นครศรีธรรมราช ที่ส่วนใหญ่ก็มักจะเหมือนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับอีกหลายหน่วยงานราชการ นั่นคือ มีการตั้งคณะกรรมการสอบ มีการนำเสนอข่าว นำเสนอข้อมูลอยู่พักหนึ่ง แล้วเรื่องราวเหล่านั้นก็ค่อยๆ เงียบหายลอยไปกับสายลม หลายต่อหลายคนอาจจะลืมเลือนบางเรื่องไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วเรื่องใหม่ๆ ก็อาจจะเกิดขึ้นอีก ให้คนได้ตั้งข้อสงสัย กล่าวขาน และก็ลืมเลือนกันไป!

Let's block ads! (Why?)



"คนขุดแร่" - Google News
June 30, 2020 at 03:06PM
https://ift.tt/38i8tYk

“เชาวน์วัศ เสนพงศ์” นายกเล็กเมืองคอน ผู้มากผลงานสะดุดตาและฮือฮาได้ตลอด - ผู้จัดการออนไลน์
"คนขุดแร่" - Google News
https://ift.tt/2Y0BLWo
Share:

0 Comments:

Post a Comment